^^o^^

ประโยชน์ของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce)

ประโยชน์ของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce)


ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นช่องทางการค้าที่น่าสนใจมาก เพราะนับวันก็ยิ่งมี
ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆซึ่งส่งผลให้การค้าทางอินเตอร์เน็ตขยายตัวได้อย่าง รวดเร็ว
และการทำธุรกิจบนเว็บไซต์นั้นสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้มากมายหลายประการ ได้แก่
1. ทำการค้าได้ตลอด 24 ชั่งโมง และขายสินค้าได้ทั่วโลก นักท่องอินเตอร์เน็ตจากทั่วทุกมุมโลก
สามารถเข้ามาในเว็บไซต์ของบริษัทได้ตลอดเวลาผู้ขายสามารถนำเสนอสินค้า ผลิตภัณฑ์ และบริการต่างๆ
ได้อย่างรวดเร็ว โดยคำสั่งซื้ออาจเกิดขึ้นตลอด 24 ชั่วโมงและมาจากที่ต่างๆกัน
2. ข้อมูลทันสมัยอยู่เสมอ และประหยัดค่าใช้จ่าย พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ นั้นมีประโยชน์ที่สำคัญ
มากอีกประการหนึ่ง คือสามารถ เสนอข้อมูลที่ใหม่ล่าสุดให้กับลูกค้าได้ทันทีซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย
ในการจัดพิมพ์เอกสาร และประหยัดเวลาในการประชาสัมพันธ์
3. ทำงานแทนพนักงานขาย และเพิ่มประสิทธิภาพการขาย พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์นั้นสามารถทำงาน
แทนพนักงานขายของคุณได้ โดยสามารถทำการค้าในรูปแบบอัตโนมัติ และดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการทางธุรกิจภายในองค์กรนั้นๆ
4. แทนหน้าร้าน หรือบูทแสดงสินค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์สามารถแสดงสินค้าที่มีอยู่ให้กับลูกค้า
ทั่วโลกได้มองเห็นสินค้าของคุณ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายตกแต่งหน้าร้าน หรือในการเดินทางออกไปใน
บูทแสดงสินค้าในที่ต่างๆ
5. เทคโนโลยีช่วยส่งเสริมผลิตภัณฑ์ให้น่าสนใจยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ๆมาช่วยในการ
ทำให้ผลิตภัณฑ์มีความน่าสนใจยิ่งขึ้น เช่น การแสดงสินค้าโดยผู้ชมสามารถดูสินค้าได้ 180 องศา
หรือลูกค้าสามารถอ่านหัวข้อของหนังสือที่ต้องการซื้อก่อนได้
6. ง่ายต่อการชำระเงิน พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์สามารถชำระเงินได้อย่างสะดวกสบายโดยวิธีการตัด
ผ่านบัตรเครดิตหรือการโอนเงินเข้าบัญชีซึ่งจะเป็นระบบอัตโนมัติ
7. เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ในโลกพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์บริษัทขนาดเล็กสามารถมีโอกาสทางธุรกิจ
เทียบได้กับบริษัทขนาดใหญ่ซึ่งขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายๆอย่าง เป็นต้นว่า ชื่อ URL ของบริษัท
ควรจะจำง่าย การออกแบบเว็บไซต์ให้สวยงามและปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ การสั่งซื้อและการชำระเงิน
มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี เป็นต้น
8. สร้างความประทับใจและพึงพอใจได้มากกว่าปัจจุบันการสั่งซื้อสินค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ตทำได้
อย่างง่ายดาย สินค้าและบริการมีให้เลือกมากมายทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง และเสียเวลาไปกับ
การค้นหาสินค้าและบริการที่ต้องการ ลูกค้าสามารถค้นหาสินค้าที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วที่สุด เช่น
ถ้าลูกค้าต้องการซื้อของตกแต่งบ้านจากเว็บไซต์ Bangpa-in.com ลูกค้าสามารถจะค้นหาสินค้าจาก
ประเภทของสินค้า หรือค้นหาตามรูปแบบที่ต้องการได้ ในกรณีที่ลูกค้าสั่งสินค้าและได้ให้รายละเอียด
ส่วนตัวไว้ ร้านค้าสามารถ บันทึก รายละเอียดของลูกค้าไว้ในฐานข้อมูลของเราเพื่อความสะดวกของลูกค้า
ในการสั่งซื้อสินค้าครั้งต่อไป (Member System)
9. รู้และแก้ปัญหาต่างๆได้ทันท่วงที พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์สามารถให้บริการหลังการขายได้เช่นกัน
โดยใช้ประโยชน์จากอีเมล์ในการติดต่อลูกค้า การสร้างแบบสอบถามลูกค้าเพื่อสอบถามความพึงพอใจ
ต่อสินค้าและบริการทำให้ร้านค้าสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาแก้ปัญหาและตอบสนองความต้องการของลูกค้า
ได้ดียิ่งขึ้นและทันท่วงที

แหล่งที่มา
http://202.28.94.55/web/322161/2551/001/g18/E-commerce%20web/page/index10.html

รู้ลึกเรื่อง E-Commerce

รู้ลึกเรื่อง E-Commerce
คอลัมน์ประจำสัปดาห์นี้มาพร้อมกับความชุ่มฉ่ำของสายฝนที่โปรยปรายลงมา เกือบจะทุกวันเลย ตอนนี้ก็ขอให้เพื่อนๆ สมาชิกชาว ReadyPlanet ดูแลสุขภาพกันให้ดีๆ นะครับ เพราะถ้าเกิดไม่สบายขึ้นมาอาจจะพลาดสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นกับชีวิตได้ และสำหรับเนื้อหาที่เราจะมาบอกเล่ากันในสัปดาห์นี้ ก็จะเป็นการอธิบายเกี่ยวกับ E-Commerce หลังจากที่เราได้พูดถึงตลาดขายสินค้าออนไลต์มานานแล้ว แต่ยังไม่ได้อธิบายถึงรายละเอียด E-Commerce ดังนั้นในสัปดาห์นี้เราจะมาอธิบายถึงคำว่า E-Commerce กันเพื่อความเข้าใจมากยิ่งขึ้น
ความหมายของ E-Commerce
E-Commerce ก็คือ การดำเนินการธุรกิจการซื้อหรือการขายสินค้าบนระบบเครือข่ายอินเทอร์เนต โดยที่ผู้ซื้อสามารถทำธุรกรรมทั้งหมดได้บนระบบเครือข่ายอินเทอร์เนต ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการเลือกชมสินค้า ซื้อสินค้า คำนวนเงินที่ต้องชำระ ชำระเงินได้ทั้งผ่านบัตรเครดิต โอนเงิน ได้โดยอัตโนมัติ และในส่วนของผู้ขายเองก็สามารถนำเสนอสินค้า ประชาสัมพันธ์ จัดโปรโมชัน ตรวจสอบวงเงินบัตรเครดิตของลูกค้า รับการชำระเงิน จัดการกับสินค้าได้ทั้งหมดเหมือนกับมีร้านค้าจริงๆ ในความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม ลด แก้ไข รายการสินค้าภายในร้าน รวมถึงการประสานงานไปยังผู้จัดส่งสินค้า โดยอัตโนมัต ซึ่งกระบวนการทั้งหมดที่ได้กล่าวมาสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้บนระบบ เครือข่ายอินเทอร์เนต โดยที่ผู้ซื้อและผู้ขายไม่ต้องเดินทางไปพบกัน

ข้อดีและข้อเสียของ E-Commerce
ข้อดี
1.สามารถเปิดดำเนินการได้ตลอด 24 ชั่วโมง
2.สามารถดำเนินการค้าขายได้อย่างอิสระทั่วโลก
3.ใช้ต้นทุนในการลงทุนต่ำ
4.ไม่ต้องเสียค่าเดินทางในระหว่างการดำเนินการ
5.ง่ายต่อการประชาสัมพันธ์ และยังสามารถประชาสัมพันธ์ในครั้งเดียวแต่ไปได้ทั่วโลก
6.สามารถเข้าถึงลูกค้าที่ใช้บริการอินเทอร์เนตได้ง่าย
7.ประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาสำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย
8.ไม่จำเป็นต้องเปิดเป็นร้านขายสินค้าจริงๆ

ข้อเสีย
1.ต้องมีระบบการรักษาความปลอดภัยของระบบที่มีประสิทธิภาพ
2.ไม่สามารถเข้าถึงลูกค้าที่ไม่ได้ใช้บริการอินเทอร์เนตได้
3.ขาดความเชื่อมั่นในเรื่องการชำระเงินผ่านทางบัตรเครดิต
4.ขาดกฎหมายรองรับในเรื่องการดำเนินการธุรกิจขายสินค้าแบบออนไลน์
5.การดำเนินการทางด้านภาษียังไม่ชัดเจน

ประเภทของ E-Commerce
1. E-Commerce แบบ C <--> B เป็นลักษณะการค้าระหว่างผู้ซื้อหรือผู้บริโภค (Customer)กับผู้ขาย (Business)ซึ่งเป็น
การซื้อสินค้าที่พบเห็นได้ทั่วไป เช่น ลูกค้าต้องการซื้อหนังสือจากร้านขายหนังสือ
2. E-Commerce แบบ B <--> B เป็นลักษณะการค้าระหว่างผู้ขาย (Business)กับผู้ขาย(Business) ซึ่งเป็นการขายสินค้า
ที่มีจำนวนมากขึ้น ต้องการความปลอดภัยมากขึ้น เช่น ร้านขายหนังสือต้องการสั่งซื้อหนังสือจากโรงพิมพ์
3. E-Commerce แบบ B <--> C เป็นลักษณะการค้าระหว่างผู้ขาย(Business) กับผู้ซื้อ(Customer) เช่นโรงพิมพ์ต้องการ
ซื้อต้นฉบับจากผู้เขียน
4. E-Commerce แบบ C <--> C เป็นลักษณะการค้าระหว่างผู้ซื้อ(Customer) กับผู้ซื้อ(Customer) เช่นผู้ซื้อต้องการขาย
รถยนต์ของตนเองให้กับผู้ซื้ออีกคน

บทส่งท้าย
สำหรับเนื้อหาประจำสัปดาห์นี้ ก็คงจะพอกันแค่นี้ก่อนน้ะครับ เอาพอหอมปากหอมคอกันก่อน เดียวจะแน่นเกินไปทำให้ดูไม่น่าอ่านและเพื่อนๆ สมาชิกอาจจะเบื่อกันซะก่อนนี่ก็เป็นเนื้อหาเริ่มต้นที่พอจะทำให้เพื่อนๆ พอเข้าใจกันมากขึ้นอีกนิดน้ะครับ สำหรับคำว่า E-Commerce และในสัปดาห์ต่อไปเราค่อยมาว่ากันต่อในเรื่องของ E-Commerce ที่ลึกลงไปมากกว่านี้เพื่อจะได้เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของผู้ที่สนใจจะ ดำเนินการทำการค้าแบบ E-Commere และสำหรับบทส่งท้ายประจำสัปดาห์นี้ ก็คงจะเป็นเรื่องของการดูแลสุขภาพกันให้ดีๆ น้ะครับ ระวังจะเป็นหวัด เป็นห่วงเพื่อนๆ สมาชิกชาว ReadyPlanet ทุกท่าน



แหล่งที่มา
http://oxygen.readyplanet.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=419543&Ntype=19

E-Commerce


ธุรกิจ E-Commerce คืออะไร

E-Commerce (พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์) คืออะไร............

ถ้าจะกล่าวกันสั้นๆก็คือการทำ ”การค้า”ผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ นั่นเอง โดยคำว่าสื่ออิเล็กทรอนิกส์ นั้นจะครอบคลุมตั้งแต่ ระดับเทคโนโลยีพื้นฐาน อาทิ โทรศัพท์ โทรสาร โทรทัศน์ ไปจนถึงเทคโนโลยีที่มีความซับซ้อนกว่านี้
แต่ว่าในปัจจุบันสื่อที่เป็นที่ นิยมและมีความแพร่หลายในการใช้งานคืออินเทอร์เน็ตและมีการนำมาใช้ประโยชน์ เพื่อการทำการค้ามาก จนทำให้เมื่อพูดถึงเรื่อง พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์คนส่วนใหญ่ จะเข้าใจไปว่าคือการทำการค้าผ่านอินเทอร์เน็ตนั่นเอง
อินเตอร์เนตจะเปลี่ยนวิถีทางการดำรงชีวิตของทุกคน อินเตอร์เนต จะเปลี่ยนวิธีการศึกษาหาความรู้ อินเตอร์เนตจะเปลี่ยนวิธีการทำมาค้าขาย อินเตอร์เนตจะเปลี่ยนวิธีการหาความสุขสนุกสนาน อินเตอร์เนตจะเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่าง และทุกสิ่งทุกอย่างจะรวมกันเข้ามาหาอินเตอร์เนต กล่าวกันว่าในปัจจุบันนี้ถ้าบริษัทห้างร้านใดไม่มีหน้าโฮมเพจในอินเตอร์เนตบริษัทห้างร้านนั้นก็ไม่มีตัวตน นั่นคือไม่มีใครรู้จัก เมื่อไม่มีใครรู้จักก็ไม่มีใครทำมาค้าขายด้วย แล้วถ้าไม่มีใครทำมาค้าขายด้วยก็อยู่ไม่ได้ต้องล้มหายตายจากไป
ว่ากันว่าอินเตอร์เนตคือแหล่งข้อมูลข่าวสาร และข้อมูลข่าวสารอย่างหนึ่งก็คือ ข้อมูลเกี่ยวกับราคาสินค้า ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้านั้นๆ และข้อมูลเกี่ยวกับผู้ขายผู้ผลิต ซึ่งในปัจจุบันผู้บริโภคมีทางเลือกในการที่จะซื้อสินค้ากันมากขึ้น เช่นการเข้าไปเลือกซื้อจากในเว็บไซต์ มีการเข้าไปเปรียบเทียบราคาสินค้าก่อนที่จะซื้อ หากจะกล่าวว่า “ข่าวสาร” คืออำนาจ ในปัจจุบันนี้ผู้บริโภคก็ได้รับการติดอาวุธอย่างใหม่ที่มีอำนาจมากพอที่จะ ต่อรองกับผู้ผลิต และผู้จำหน่ายสินค้าได้ผลดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาและพฤติกรรมของผู้บริโภค ทั่วโลกก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
ในการทำอีคอมเมิร์ซนั้นไม่ใช่เพียงแค่เป็นเว็บเพจหรือช่องทางการจำหน่าย สินค้า แต่อีคอมเมิร์ซยังมีความหมายรวมไปถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการทาง ธุรกิจ เพื่อลดค่าใช้จ่าย ลดเวลาที่ต้องสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ
ไปถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของกับผู้บริโภค และผู้ค้าส่ง สำนักวิจัยไอดีซี (IDC) ได้ประมาณรายได้ของการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบธุรกิจต่อธุรกิจ (B-to-B) ว่าเพิ่มขึ้นจาก 80 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 3,200 พันล้านบาทในปี พ.ศ. 2542 เป็น 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 40 ล้านล้านบาทในปี พ.ศ. 2546
หากท่านเป็น คนหนึ่งที่ทำธุรกิจอยู่ ณ ขณะนี้ หรือคิดจะเริ่มต้นทำธุรกิจ ก็คงจะเข้าใจแล้วว่าระบบ อีคอมเมิร์ชมีความสำคัญ และ ความจำเป็นต่อระบบการค้าในขณะนี้มากขนาดไหน ......


แหล่งที่มา

http://www.makewebeasy.com/article/HowtoEcommercewebsite1..html

countdown

สถานที่จัดงาน


ขอนแก่น Countdown 2010Updated by Admin on Mon , November 30 2009 : 13:56:53 PMCategory : Where to countdown

When : วันที่ 31 ธันวาคม 2552
ตลอดวัน

Where : ประตูเมือง จังหวัดขอนแก่น

Contact : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานขอนแก่น โทร.0-4324-4989

What : - ประดับประดาด้วยไฟตกแต่ง ห้อยระย้ากว่าพันดวง
- สุดอลังการธารน้ำพุเจ็ดสี ที่ทะยานพุ่งสูงกว่า 9 เมตร
- ครั้งแรกของเมืองไทยกับการจัดดอกไม้ให้เป็นผืนพรมยักษ์ Flower carpet
- ร่วมนับถอยหลังกับคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง
- สุดยอดไฮไลท์เคาท์ดาวน์กับแสง สี เสียง คือเทคนิคไพโรเอฟเฟคจากอเมริกาที่จะสร้างภาพประทับใจบนประตูเมืองขอนแก่นใต้แสงพุ จำนวน 983 นัด
- มหามงคลแห่งการเริ่มต้นชีวิตใหม่กับการรอดประตูเมืองในคืนข้ามปี



ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2010 (Trang Countdown 2010)Updated by Admin on Mon , November 30 2009 : 12:30:58 PMCategory : Where to countdown

When : วันที่ 31 ธันวาคม 2552 – 1 มกราคม 2553
ตลอดวัน

Where : ถนนวิเศษกุล บริเวณหน้าเทศบาลนครตรัง

Contact : เทศบาลนครตรัง โทร. 0-7521-8017 ต่อ 1164

What : วันที่ 31 ธันวาคม 2552
- การแสดงศิลปวัฒนธรรม
- การแสดงดนตรี
-รำวงโบราณ
-การจำหน่ายอาหาร
-การประกวดและการแข่งขันต่างๆ
-พิธี Countdown
วันที่ 1 มกราคม 2553
เช้า – ทำบุญตักบาตรหน้าเทศบาลนครตรัง




Hua Hin Countdown 2010Updated by Admin on Mon , November 30 2009 : 12:30:45 PMCategory : Where to countdown


When : วันที่ 25 ธันวาคม 2552 – 2 มกราคม 2553
ตลอดวัน

Where : Hua Hin Market Village อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

Contact :
- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ โทร 0 32251 3885
- Hua Hin Market Village โทร 0 3261 8888


What :
- การแสดงดนตรีจากแนวเพลงหลากหลายสไตล์และการแสดง Concert จากศิลปิน
ชั้นนำ ของเมืองไทย
- เครื่องเล่น X-Treme game และเครื่องสำหรับเด็กๆ
- อิ่มอร่อยกับอาหารนานาชาติจากโรงแรมชั้นนำ
- สินค้า Handmade งานนักศึกษา Art & Design
- การเล่นเกมส์รับของรางวัลและจับรางวัลผู้โชคดีที่เข้าร่วมงานเพื่อลุ้นรางวัลรถยนต์, จักรยานยนต์
- ตื่นตาตื่นใจกับแสง สี เสียง ในวินาทีของการนับถอยหลังก้าวสู่ปี 2010
- การจำหน่ายของที่ระลึกการร่วมงาน Hua Hin Countdown 2010


งานส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2552 กรุงเทพมหานครUpdated by Admin on Thu , September 10 2009 : 19:19:27 PMCategory : Where to countdown

When : ตลอดเดือนธันวาคม
กลางคืน

Where : รอบกรุงเทพมหานคร

Site : http://www.tourismthailand.org/

Contact : TAT Call Center 1672

What :
- กิจกรรมประดับตกแต่งไฟฟ้า : วันที่ 1 ธันวาคม 2552 – 15 มกราคม 2553 ย่านเพลินจิต – ราชประสงค์ – ปทุมวัน– กรุงเทพมหานคร
- กิจกรรมนับถอยหลัง ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2552 – 1 มกราคม 2553 ย่านราชประสงค์ ในเขตกรุงเทพมหานคร
- การแสดงดนตรีและกิจกรรมบันเทิงต่างๆ /การแสดงแสง เสียง สื่อผสม / การนับถอยหลังส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่

ไหว้พระขอพรเสริมสิริมงคล 9 พระอารามหลวง
- วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร
- วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร
- วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)
- วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)
- วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
- วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร
- วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร (วัดแจ้ง)
- วัดบวรนิเวศวิหาร
- วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร

แหล่งที่มา

ปีใหม่ 2010


ประวัติความเป็นมาของ วันปีใหม่
ความหมายของ วันปีใหม่ ตาม พจนานุกรม ฉบับราชตบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายของคำว่า " ปี" ไว้ดังนี้ ปี หมายถึง เวลา ชั่วโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ครั้งหนึ่งราว 365 วัน : เวลา 12 เดือนตามสุริยคติ
ในอดีต วันปีใหม่ ของไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงมาแล้ว 4 ครั้ง
- ครั้งแรกถือเอาวันแรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย เป็น วันปีใหม่ ซึ่ง ตรงกับ เดือนมกราคม
- ครั้งที่ 2 กำหนดให้ วันปีใหม่ ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ตามคติพราหมณ์ ซึ่งตรงกับ เดือนเมษายน
**การกำหนด วันปีใหม่ ใน 2 ครั้งนี้ ถือเอาทางจันทรคติเป็นหลัก
**ต่อมาได้ถือเอาทางสุริยคติแทน
- โดยครั้งที่ 3 วันที่ 1 เมษายน เป็น วันปีใหม่ ตั้งแต่ พ.ศ.2432 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่โดยเฉพาะตามชนบทยังคงยึดถือเอา วันสงกรานต์ เป็น วันปีใหม่ อยู่ ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย ทางราชการเห็นว่า วันปีใหม่ วัน ที่ 1 เมษายน ไม่สู้จะมีการรื่นเริงอะไรมากนัก สมควรที่จะฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ จึงได้ประกาศให้มีงานรื่นเริงวันขึ้นปีใหม่ในวันที่ 1 เมษายน 2477 ขึ้นใน กรุงเทพฯเป็นครั้งแรก
การจัดงาน วันปีใหม่ ที่ ได้เริ่มเมื่อวันที่ 1 เมษายน ได้แพร่หลายออกไปต่างจังหวัดในปีต่อๆมา และในปี พ.ศ.2479 ก็ได้มีการ จัดงานรื่นเริงปีใหม่ทั่วทุกจังหวัด วันขึ้นปีใหม่วันที่ 1 เมษายน ในสมัยนั้นทางราชการเรียกว่า วันตรุษสงกรานต์
ต่อมาได้มีการพิจารณาเปลี่ยน วันปีใหม่ อีก ครั้งหนึ่ง โดยคณะรัฐมนตรีได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้น ซึ่งมีหลวงวิจิตรวาทการ เป็นประธานกรรมการ ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้เปลี่ยน
- ครั้งที่ 4 วันปีใหม่ เป็นวันที่ 1 มกราคม โดยกำหนดให้ วันที่ 1 มกราคม 2484 เป็น วันปีใหม่ เป็นต้นไป
เหตุผลที่ทางราชการได้เปลี่ยน วันปีใหม่ จากวันที่ 1 เมษายน มาเป็นวันที่ 1 มกราคม ก็คือ
1. ไม่ขัดกับพุทธศาสนาในด้านการนับวัน เดือน และการร่วมฉลองปีใหม่ด้วยการทำบุญ
2. เป็นการเลิกวิธีนำเอาลัทธิพราหมณ์มาคร่อมพระพุทธศาสนา
3. ทำให้เข้าสู่ระดับสากลที่ใช้อยู่ในประเทศทั่วโลก
4। เป็นการฟื้นฟูวัฒนธรรม คตินิยม และจารีตประเพณีของชาติไทย

แหล่งที่มา
http://blog.eduzones.com/entertain/14290

วันครู

Pink

thai

free counters

Guost book

เกี่ยวกับฉัน

ผู้ติดตาม

About this blog